Meta อาจขาดทุน $7 พันล้าน เพราะ Trump เตรียมขึ้นภาษีจีน?

April 24, 2025

มาตรการภาษีจีนจากทรัมป์อาจฉุด Meta สูญเสียกว่า 7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025

ความเคลื่อนไหวด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนกำลังกลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งสัญญาณพร้อมผลักดันมาตรการภาษีที่เข้มงวดต่อจีน หากเขากลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งในปี 2025 มาตรการดังกล่าวอาจสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบริษัทใหญ่ระดับโลกอย่าง Meta ซึ่งอาจต้องเผชิญความเสี่ยงสูญเสียรายได้สูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์

การเคลื่อนไหวของทรัมป์กับแผนภาษีใหม่

ทรัมป์ระบุว่าหากเขาได้กลับเข้าสู่ทำเนียบขาว เขาจะผลักดันภาษี 60% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และอาจเพิ่มเป็น 100% สำหรับสินค้าประเภทเทคโนโลยีขั้นสูง โดยเขาให้เหตุผลว่า จีนกำลังแทรกแซงเศรษฐกิจโลกอย่างไม่เป็นธรรม และสหรัฐฯ ต้องทวงคืนความสามารถในการแข่งขันกลับมา

แม้มาตรการดังกล่าวยังไม่เกิดขึ้นจริง แต่เพียงแค่การแสดงท่าที ก็ส่งผลให้หลายบริษัทต้องเริ่มวางแผนสำรองเพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

Meta เสี่ยงหนักจากซัพพลายเชนที่โยงกับจีน

บริษัท Meta ซึ่งเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานด้านฮาร์ดแวร์และการผลิตส่วนใหญ่ยังพึ่งพาจีนอยู่

Meta มีการสั่งผลิตอุปกรณ์จำนวนมากจากผู้ผลิตในจีน เช่น ชิ้นส่วนสำหรับโครงการ metaverse, อุปกรณ์ AR/VR และดาต้าเซ็นเตอร์บางส่วน หากมาตรการภาษีใหม่ของทรัมป์มีผลบังคับใช้ ต้นทุนของ Meta จะพุ่งสูงขึ้นทันที และอาจกระทบต่อแผนการพัฒนาด้านเทคโนโลยีในระยะยาว

ความเสียหายที่คาดการณ์ $7 พันล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า หากมีการบังคับใช้ภาษีในระดับดังกล่าวจริง Meta อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงถึง 7 พันล้านดอลลาร์ต่อปี โดยจะสะท้อนผ่านต้นทุนการผลิต ค่าใช้จ่ายด้านซัพพลายเชน และอาจรวมถึงผลกระทบจากการชะลอการลงทุนของพันธมิตรในจีน

นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนอาจลดลง ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อราคาหุ้นและมูลค่าตลาดของบริษัท

แรงกระเพื่อมสู่วงการเทคโนโลยี

แม้ Meta จะถูกมองว่าได้รับผลกระทบโดยตรงมากที่สุด แต่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อื่น ๆ เช่น Apple, Tesla, Nvidia และ Amazon ก็อาจเผชิญความเสี่ยงในลักษณะเดียวกัน เนื่องจากต่างมีความเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานจากจีน

ความไม่แน่นอนในเชิงนโยบายทำให้นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าธุรกิจเทคโนโลยีควรเร่งกระจายซัพพลายเชนไปยังประเทศอื่น เช่น อินเดีย เวียดนาม หรือแม้แต่เม็กซิโก เพื่อลดความเสี่ยงเชิงภูมิรัฐศาสตร์

ผลกระทบต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจโลก

ต้นทุนที่สูงขึ้นในภาคธุรกิจจะสะท้อนกลับมายังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน แว่น AR/VR หรืออุปกรณ์ IoT นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกโดยรวม

หากสหรัฐฯ และจีนเดินหน้าในแนวทางการตั้งกำแพงภาษีต่อกันโดยไม่มีการเจรจา อาจนำไปสู่ภาวะชะลอตัวของการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผู้ประกอบการรายเล็กและระบบเศรษฐกิจโดยรวม

สรุป

แผนภาษีของทรัมป์ต่อจีน ไม่เพียงแต่ส่งผลเชิงการเมืองระหว่างประเทศ แต่ยังสร้างแรงสะเทือนต่อภาคธุรกิจข้ามชาติ โดยเฉพาะบริษัทด้านเทคโนโลยีที่มีห่วงโซ่อุปทานโยงกับจีนอย่างลึกซึ้ง Meta อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของผลกระทบระลอกใหญ่ หากแนวนโยบายดังกล่าวได้รับการผลักดันจริงในอนาคต

คุณคิดว่า Meta ควรรับมืออย่างไรหากภาษีทรัมป์ถูกบังคับใช้จริง?

แสดงความคิดเห็นของคุณด้านล่าง หรือแชร์บทความนี้เพื่อให้คนใกล้ตัวคุณรู้ทันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายระดับโลก
ติดตามเราเพื่ออัปเดตข่าวสารเทคโนโลยี การเงิน และการเมืองระหว่างประเทศที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของคุณ

Post Views: 140