Blog NEWS AND EVENTS Programming Protect Website Security Technology AirPlay Flaws Exposed ภัย Zero-Click คุกคาม Apple ผ่าน Wi-Fi May 7, 2025 Wormable AirPlay Flaws ภัยร้ายที่คุกคามอุปกรณ์ Apple ผ่าน Wi-Fi สาธารณะในยุคที่การเชื่อมต่อไร้สายกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเทคโนโลยี AirPlay ของ Apple ได้มอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้สามารถสตรีมเพลง วิดีโอ หรือแชร์หน้าจอได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดเผยถึง ช่องโหว่ร้ายแรงใน AirPlay ที่อาจทำให้อุปกรณ์ Apple และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ AirPlay SDK ตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ “Zero-Click Remote Code Execution” (RCE) ผ่าน Wi-Fi สาธารณะ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจภัยคุกคามนี้ พร้อมวิธีปกป้องตัวคุณเองจากอันตรายในโลกดิจิทัล AirPlay เทคโนโลยีที่ทั้งสะดวกและเสี่ยงAirPlay เป็นเทคโนโลยีไร้สายของ Apple ที่ช่วยให้อุปกรณ์อย่าง iPhone, Mac, Apple TV และลำโพงของบุคคลที่สามสามารถเชื่อมต่อและแชร์เนื้อหากันได้อย่างราบรื่น แต่การค้นพบล่าสุดโดยนักวิจัยจาก Oligo Security เผยว่า ช่องโหว่ใน AirPlay และ AirPlay SDK อาจทำให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้โต้ตอบใดๆ (Zero-Click) โดยเฉพาะเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ เช่น ในร้านกาแฟ สนามบิน หรือโรงแรมช่องโหว่เหล่านี้ถูกเรียกรวมว่า “AirBorne” และสามารถแพร่กระจายเหมือนหนอน (wormable) จากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์ในเครือข่ายเดียวกัน สร้างความเสียหายร้ายแรง เช่น การติดตั้งมัลแวร์, การสอดแนม, หรือ การโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ ช่องโหว่ AirBorne อะไรคือภัยคุกคาม?ช่องโหว่ AirBorne ประกอบด้วยจุดอ่อนหลายประการใน AirPlay ซึ่งบางส่วนสามารถรวมกันเพื่อสร้างการโจมตีที่รุนแรง นี่คือช่องโหว่สำคัญที่ควรรู้CVE-2025-24252: ช่องโหว่แบบ Use-After-Free ใน macOS ที่เมื่อรวมกับ CVE-2025-24206 (การหลบเลี่ยงการยืนยันตัวตน) ช่วยให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องให้ผู้ใช้คลิกอะไรเลยCVE-2025-24132: ช่องโหว่ Buffer Overflow ใน AirPlay SDK ที่ส่งผลต่อลำโพง ทีวี และระบบ CarPlay เปิดทางให้เกิด Zero-Click RCE และแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์อื่นCVE-2025-24271: ช่องโหว่ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีส่งคำสั่ง AirPlay โดยไม่ต้องจับคู่กับอุปกรณ์ ใช้ร่วมกับช่องโหว่อื่นเพื่อการโจมตีแบบ One-Click RCECVE-2025-24270: ช่องโหว่ที่อาจทำให้ ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้รั่วไหลผ่านเครือข่ายช่องโหว่เหล่านี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ เช่น ควบคุมอุปกรณ์ ฝังมัลแวร์ ขโมยข้อมูล หรือแม้แต่ใช้ไมโครโฟนของอุปกรณ์เพื่อ สอดแนมการสนทนา ความเสี่ยง ใครบ้างที่อยู่ในอันตราย?ด้วยจำนวนอุปกรณ์ Apple ที่ใช้งานทั่วโลกกว่า 2.35 พันล้านเครื่อง และอุปกรณ์ของบุคคลที่สามอีกหลายสิบล้านเครื่องที่ใช้ AirPlay SDK ช่องโหว่ AirBorne สร้างความเสี่ยงในวงกว้าง โดยเฉพาะในสถานการณ์ต่อไปนี้การใช้ Wi-Fi สาธารณะ: อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ในที่สาธารณะ เช่น สนามบินหรือร้านกาแฟ มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีเครือข่ายองค์กร: อุปกรณ์ที่ติดมัลแวร์จาก Wi-Fi สาธารณะอาจนำภัยคุกคามเข้าสู่เครือข่ายบริษัทเมื่อเชื่อมต่อยานพาหนะที่ใช้ CarPlay: ผู้โจมตีอาจรบกวนผู้ขับขี่ด้วยการเล่นสื่อที่ไม่พึงประสงค์ หรือสอดแนมผ่านไมโครโฟนของรถอุปกรณ์ IoT: ลำโพงหรือทีวีที่ใช้ AirPlay SDK อาจกลายเป็นช่องทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงเครือข่ายบ้านหรือสำนักงาน ตาราง ความเสี่ยงและผลกระทบจากช่องโหว่ AirBorneความเสี่ยงผลกระทบZero-Click RCEการควบคุมอุปกรณ์โดยสมบูรณ์, การติดตั้งมัลแวร์การรั่วไหลของข้อมูลการสูญเสียข้อมูลส่วนตัว, การสอดแนมการโจมตีแบบ Wormableการแพร่กระจายมัลแวร์ไปยังอุปกรณ์อื่นการรบกวนใน CarPlayการรบกวนผู้ขับขี่, การติดตามตำแหน่งรถ วิธีป้องกัน ทำอย่างไรให้ปลอดภัย?เพื่อลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ AirBorne ผู้ใช้และองค์กรสามารถดำเนินการดังนี้อัปเดตซอฟต์แวร์ทันที:Apple ได้ออกแพตช์แก้ไขใน iOS 18.4, iPadOS 18.4, macOS Sequoia 15.4 และ AirPlay SDK รุ่นล่าสุด (2.7.1 และ 3.6.0.126) ตรวจสอบและอัปเดตอุปกรณ์ของคุณทันทีปิด AirPlay เมื่อไม่ใช้งาน:ปิดฟังก์ชัน AirPlay Receiver ในอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นต้องใช้ โดยเข้าไปที่การตั้งค่าและเลือก “ปิด” หรือจำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ใช้ที่เชื่อถือได้หลีกเลี่ยง Wi-Fi สาธารณะ:ใช้ VPN หรือเครือข่ายส่วนตัวเมื่อต้องเชื่อมต่อ Wi-Fi ในที่สาธารณะ เพื่อลดโอกาสถูกโจมตีตั้งค่าไฟร์วอลล์:จำกัดการเข้าถึงพอร์ต 7000 (ที่ AirPlay ใช้งาน) และอนุญาตเฉพาะอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ในเครือข่ายสำหรับองค์กร:ตรวจสอบและอัปเดตอุปกรณ์ Apple และอุปกรณ์ IoT ทั้งหมดในเครือข่าย รวมถึงตั้งค่าระบบตรวจจับการบุกรุก (IDS/IPS) เพื่อค้นหาความผิดปกติ วิเคราะห์ ทำไมช่องโหว่นี้ถึงน่ากังวล?ช่องโหว่ AirBorne ไม่เพียงแต่เป็นภัยต่อผู้ใช้ทั่วไป แต่ยังสร้างความท้าทายให้กับองค์กรและผู้ผลิตอุปกรณ์บุคคลที่สาม ความสามารถในการแพร่กระจายแบบ wormable ทำให้มัลแวร์สามารถเคลื่อนย้ายจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังเครือข่ายอื่นได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ อุปกรณ์ IoT เช่น ลำโพงหรือทีวี มักไม่ได้รับการอัปเดตอย่างสม่ำเสมอนอกจากนี้ การโจมตีแบบ Zero-Click หมายความว่าผู้ใช้ไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการระวังลิงก์หรือไฟล์ที่น่าสงสัย สิ่งนี้ยิ่งเพิ่มความสำคัญของการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างทันท่วงที และการออกแบบเทคโนโลยีที่ปลอดภัยตั้งแต่ต้นอย่างไรก็ตาม การที่ Apple และ Oligo Security ร่วมมือกันแก้ไขปัญหานี้อย่างรวดเร็วนับเป็นตัวอย่างที่ดีของการจัดการช่องโหว่แบบ รับผิดชอบ (responsible disclosure) แต่ความท้าทายยังคงอยู่ที่อุปกรณ์ของบุคคลที่สาม ซึ่งอาจไม่ได้รับแพตช์อย่างทั่วถึง สรุป ปกป้องตัวคุณจากภัย AirBorneช่องโหว่ AirBorne ใน AirPlay เป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้แต่เทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกก็อาจกลายเป็นช่องทางให้เกิดการโจมตีได้ ด้วยความเสี่ยงที่ครอบคลุมอุปกรณ์ Apple กว่า 2.35 พันล้านเครื่อง และอุปกรณ์ IoT อื่นๆ การตระหนักรู้และการป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ใช้ควร อัปเดตอุปกรณ์, ปิด AirPlay เมื่อไม่ใช้งาน, และ ระวังการเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ คุณได้อัปเดตอุปกรณ์ Apple ของคุณหรือยัง? แชร์เคล็ดลับความปลอดภัยของคุณในช่องแสดงความคิดเห็น หรือ สมัครรับข่าวสาร เพื่อรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์! ผ่านทางเว็บไซต์ของเรา BLOG TTT-WEBSITE Post Views: 74 Loading... Post ID: 28437 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE