Asana เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยฟีเจอร์ AI
Asana เปิดตัวฟีเจอร์ AI ใหม่ 3 หมวด ช่วยให้ทีมทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Asana แพลตฟอร์ม การจัดการงาน แบบ all-in-one ประกาศเปิดตัว ฟีเจอร์ AI ใหม่ 3 หมวด เพื่อช่วย ทีมทำงาน ให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น ได้แก่
หมวด “Maximizing Impact” ประกอบด้วย ฟีเจอร์ Smart Fields, Smart Editor และ Smart Summaries ที่ช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ จัดการ ข้อมูล และงานต่างๆ ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ มากขึ้น
หมวด “Driving Clarity and Accountability” ประกอบด้วย ฟีเจอร์ Smart Notifications, Smart Insights และ Smart Reports ที่ช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ติดตาม ความคืบหน้า ของงาน และรับข้อมูล เชิงลึก ที่เป็น ประโยชน์
หมวด “Scaling Up” ประกอบด้วย ฟีเจอร์ Smart Templates, Smart Workflows และ Smart Automation ที่ช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ปรับขนาด การทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ
ฟีเจอร์ AI ใหม่ เหล่านี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ Asana สามารถ ทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น โดยช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ จัดการ ข้อมูล และงานต่างๆ ได้อย่าง ง่ายดาย เข้าใจ ความคืบหน้า ของงาน ได้ดีขึ้น และปรับขนาด การทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ
หมวด “Maximizing Impact”
ฟีเจอร์ AI ในหมวดนี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ จัดการ ข้อมูล และงานต่างๆ ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ มากขึ้น โดย ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่
Smart Fields: ฟีเจอร์นี้ ช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ สร้างฟิลด์ ที่กำหนดเอง บนงาน และโครงการได้ ซึ่งจะช่วย ลดเวลา และความพยายาม ในการจัด ระเบียบ ข้อมูล
Smart Editor: ฟีเจอร์นี้ จะช่วย แนะนำ การแก้ไข และปรับปรุง ข้อความ ให้ชัดเจน และกระชับ ยิ่งขึ้น
Smart Summaries: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ดูข้อมูลสรุป ที่สำคัญ เกี่ยวกับ งาน และโครงการต่างๆ ได้อย่าง รวดเร็ว
ตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ AI ในหมวด “Maximizing Impact”
- การใช้ Smart Fields เพื่อสร้างฟิลด์ ที่กำหนดเอง สำหรับ การจัดเก็บ ข้อมูลเฉพาะ เช่น งบประมาณ กำหนดเวลา หรือผู้รับผิดชอบ
- การใช้ Smart Editor เพื่อแก้ไข ข้อความ ให้ชัดเจน และกระชับ ยิ่งขึ้น
- การใช้ Smart Summaries เพื่อดู ข้อมูลสรุป ที่สำคัญ เกี่ยวกับ งาน และโครงการต่างๆ เช่น ความคืบหน้า ความเสี่ยง และปัญหา
หมวด “Driving Clarity and Accountability”
ฟีเจอร์ AI ในหมวดนี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ติดตาม ความคืบหน้า ของงาน และรับข้อมูล เชิงลึก ที่เป็นประโยชน์ โดย ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่
Smart Notifications: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ ได้รับแจ้ง เมื่องาน หรือโครงการ ถึงกำหนดเวลา หรือมีการ เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
Smart Insights: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ดูข้อมูล เชิงลึก เกี่ยวกับ งาน และโครงการต่างๆ เช่น แนวโน้ม ความคืบหน้า และความเสี่ยง
Smart Reports: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ สร้างรายงาน ที่กำหนดเอง เพื่อติดตาม ประสิทธิภาพ การทำงาน
ตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ AI ในหมวด “Driving Clarity and Accountability”
การใช้ Smart Notifications เพื่อแจ้งเตือน ผู้ที่เกี่ยวข้อง เมื่องาน หรือโครงการ ถึงกำหนดเวลา หรือมีการ เปลี่ยนแปลง ที่สำคัญ
การใช้ Smart Insights เพื่อดู ข้อมูล เชิงลึก เกี่ยวกับ งาน และโครงการต่างๆ เช่น แนวโน้ม ความคืบหน้า และความเสี่ยง
การใช้ Smart Reports เพื่อสร้าง รายงาน ที่กำหนดเอง เพื่อติดตาม ประสิทธิภาพ การทำงาน
หมวด “Scaling Up”
ฟีเจอร์ AI ในหมวดนี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ปรับขนาด การทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ โดย ฟีเจอร์หลักๆ ได้แก่
Smart Templates: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ สร้างเทมเพลต ที่กำหนดเอง สำหรับงาน และโครงการต่างๆ ได้อย่าง รวดเร็ว
Smart Workflows: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สร้างเวิร์กโฟลว์ อัตโนมัติ เพื่อจัดการ งาน และกระบวนการต่างๆ
Smart Automation: ฟีเจอร์นี้ จะช่วยให้ ผู้ใช้ สร้างกฎ และเงื่อนไข อัตโนมัติ เพื่อจัดการ งาน และกระบวนการต่างๆ
ตัวอย่างการใช้งานฟีเจอร์ AI ในหมวด “Scaling Up”
การใช้ Smart Templates เพื่อสร้าง เทมเพลต ที่กำหนดเอง สำหรับงาน และโครงการต่างๆ ได้อย่าง รวดเร็ว
การใช้ Smart Workflows เพื่อสร้าง เวิร์กโฟลว์ อัตโนมัติ เพื่อจัดการ งาน และกระบวนการต่างๆ
การใช้ Smart Automation เพื่อสร้างกฎ และเงื่อนไข อัตโนมัติ เพื่อจัดการ งาน และกระบวนการต่างๆ
สรุป
ฟีเจอร์ AI ใหม่ ของ Asana จะช่วยให้ ผู้ใช้ สามารถ ทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น โดย ฟีเจอร์ เหล่านี้ จะช่วย จัดการ ข้อมูล และงานต่างๆ ได้อย่าง ง่ายดาย เข้าใจ ความคืบหน้า ของงาน ได้ดีขึ้น และปรับขนาด การทำงาน ได้อย่าง มีประสิทธิภาพ
Loading...
Post ID: 6529 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE
