AI Blog NEWS AND EVENTS Protect Website Security Technology Identity Theft Warning! สัญญาณเตือนเมื่อข้อมูลของคุณไม่ปลอดภัยอีกต่อไป May 5, 2025 Identity Theft คืออะไร? ทำไมการขโมยข้อมูลส่วนตัวจึงอันตรายกว่าที่คิดการถูกขโมยตัวตนอาจดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับใครหลายคน แต่ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต การรั่วไหลของข้อมูลส่วนตัวเพียงเล็กน้อยอาจนำไปสู่การโจรกรรมที่สร้างความเสียหายร้ายแรงทั้งด้านการเงิน ชื่อเสียง และความปลอดภัยในชีวิตประจำวัน บทความนี้จะพาคุณรู้จักกับ Identity Theft หรือ การขโมยข้อมูลระบุตัวตน ว่าคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และควรป้องกันอย่างไรให้ปลอดภัย Identity Theft คืออะไร?Identity Theft หรือ การขโมยตัวตน คือการที่บุคคลหนึ่งนำข้อมูลส่วนตัวของผู้อื่น เช่น ชื่อ-นามสกุล, หมายเลขบัตรประชาชน, ข้อมูลบัญชีธนาคาร, ข้อมูลบัตรเครดิต หรือแม้แต่บัญชีโซเชียลมีเดีย ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อประโยชน์ส่วนตนหรือกระทำความผิดต่าง ๆข้อมูลเหล่านี้อาจถูกรวบรวมจากแหล่งที่คุณไม่คาดคิด เช่น เว็บไซต์ที่คุณสมัครไว้, การใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่ป้องกัน, หรือจากการตอบแบบสอบถามออนไลน์ที่ไม่มีการเข้ารหัสข้อมูลอย่างปลอดภัย ตัวอย่างพฤติกรรมที่เข้าข่าย Identity Theftรูปแบบลักษณะการกระทำขโมยข้อมูลบัตรเครดิตใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ในนามของเหยื่อปลอมบัญชีโซเชียลมีเดียสร้างบัญชีปลอมเพื่อต้มตุ๋นคนรู้จักของเหยื่อขอกู้เงิน/สมัครบัตรเครดิตใช้ข้อมูลของเหยื่อในการยื่นขอสินเชื่อMedical Identity Theftใช้สิทธิการรักษาพยาบาลในชื่อของเหยื่อ Identity Theft เกิดขึ้นได้อย่างไร?Phishing (ฟิชชิ่ง)การส่งอีเมลหรือข้อความปลอม เพื่อหลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัวลงในเว็บไซต์ปลอมData Breachการแฮกหรือรั่วไหลของข้อมูลจากองค์กรที่คุณเคยใช้บริการ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล หรือแอปพลิเคชันมือถือการแอบดูหรือขโมยโดยตรงเช่น การแอบถ่ายหน้าจอ การขโมยกระเป๋าเงิน หรือการดูข้อมูลบนอุปกรณ์ที่ไม่ได้ล็อกหน้าจอWi-Fi สาธารณะที่ไม่มีการเข้ารหัสผู้ไม่หวังดีสามารถดักจับข้อมูลที่คุณส่งผ่านเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย ผลกระทบจาก Identity Theftความเสียหายทางการเงิน: บัญชีถูกหักเงิน ซื้อสินค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเครดิตเสีย: อาจถูกขึ้นบัญชีดำจากการกู้ที่ไม่ได้ชำระ เพราะไม่ได้กู้เองชื่อเสียงเสียหาย: ผู้ร้ายอาจใช้ชื่อของคุณไปแอบอ้างหลอกลวงผู้อื่นคดีความไม่คาดฝัน: มีกรณีที่เหยื่อต้องพิสูจน์ตนเองในคดีอาญาที่ไม่เคยเกี่ยวข้องมาก่อน วิธีป้องกัน Identity Theft อย่างมีประสิทธิภาพตั้งรหัสผ่านให้รัดกุมและไม่ซ้ำกันใช้รหัสผ่านที่มีทั้งตัวอักษรพิมพ์เล็ก พิมพ์ใหญ่ ตัวเลข และอักขระพิเศษเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น (Two-Factor Authentication)โดยเฉพาะบัญชีอีเมล บัญชีธนาคาร และโซเชียลมีเดียอย่ากรอกข้อมูลในลิงก์แปลก ๆ หรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยตรวจสอบว่า URL เป็น HTTPS และไม่มีตัวอักษรแปลกปลอมระวังการใช้งาน Wi-Fi สาธารณะหลีกเลี่ยงการกรอกข้อมูลสำคัญขณะเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่มีรหัสผ่านติดตามการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคารและอีเมลเปิดแจ้งเตือนการทำธุรกรรม และตรวจสอบรายการใช้จ่ายเป็นประจำ คำถามที่พบบ่อย (FAQ)Q: ถ้าโดนขโมยตัวตนแล้วควรทำอย่างไร?A: ควรรีบแจ้งธนาคาร บล็อกบัตร แจ้งความกับตำรวจ และแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีQ: แอปตรวจเครดิตมีประโยชน์ไหม?A: มีประโยชน์มาก เพราะสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการตรวจเครดิตใหม่ หรือมีความพยายามขอสินเชื่อในชื่อของคุณ สรุปIdentity Theft ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อข้อมูลส่วนตัวกลายเป็นทรัพย์สินที่ถูกขโมยได้ง่ายกว่าที่คิด การเรียนรู้วิธีป้องกันและการเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอคือเกราะป้องกันที่สำคัญในโลกดิจิทัลที่ไม่มีพรมแดน Post Views: 48 Loading... Post ID: 28351 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE