AI NEWS AND EVENTS Technology

NO FAKES Act ป้องกันตัวตนเสมือนจริง ปกป้องสิทธิส่วนบุคคลในยุค AI

กฎหมาย NO FAKES Act ก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล

การแพร่ระบาดของเทคโนโลยี AI ทำให้เกิดเครื่องมือที่ทรงพลังในการสร้างสรรค์และดัดแปลงสื่อดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย ซึ่งนำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้เกิดการใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด เช่น การสร้าง deepfake เพื่อใส่ร้ายป้ายสี บ่อนทำลายชื่อเสียง หรือแม้แต่การปลอมแปลงเอกสารสำคัญ

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ กฎหมาย NO FAKES Act จึงถูกเสนอขึ้นมา โดยมีเป้าหมายหลักในการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลและป้องกันการนำภาพลักษณ์ของบุคคลไปใช้ในทางที่ผิดโดยไม่ได้รับอนุญาต กฎหมายฉบับนี้จะช่วยสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการใช้เทคโนโลยี AI และกำหนดให้การสร้าง deepfake โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ทำไมกฎหมายฉบับนี้จึงสำคัญ?

    • ปกป้องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ: deepfake สามารถสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบุคคลได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์
    • ป้องกันการฉ้อโกง: deepfake สามารถนำมาใช้ในการปลอมแปลงเอกสารสำคัญ เช่น หนังสือเดินทาง หรือลายเซ็น เพื่อใช้ในการกระทำผิดทางอาญา เช่น การฉ้อโกงทางการเงิน
    • คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา: การสร้าง deepfake ที่ใช้ภาพลักษณ์ของบุคคลที่มีชื่อเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมบันเทิง
    • สร้างความเชื่อมั่นในสังคม: การมีกฎหมายที่ชัดเจนในการควบคุมการใช้เทคโนโลยี AI จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคมและส่งเสริมให้เกิดการใช้นวัตกรรมอย่างสร้างสรรค์

อุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมาย

แม้ว่ากฎหมาย NO FAKES Act จะเป็นก้าวสำคัญในการควบคุมการใช้เทคโนโลยี AI แต่ก็ยังมีอุปสรรคในการบังคับใช้ เช่น

    • เทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว: การติดตามและตรวจจับ deepfake เป็นเรื่องที่ท้าทาย เนื่องจากเทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว ทำให้ deepfake มีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ

    • การกำหนดขอบเขตของกฎหมาย: การกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนของสิ่งที่ถือว่าเป็น deepfake และการอนุญาตให้ใช้ deepfake ในกรณีใดบ้าง เป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบคอบ

    • การบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติ: การสร้าง deepfake มักเกี่ยวข้องกับผู้กระทำผิดหลายประเทศ ทำให้การบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ตัวอย่างการใช้ deepfake ในทางที่ผิด

    • การเมือง: การสร้างวิดีโอ deepfake ที่ทำให้ผู้นำประเทศพูดคำพูดที่ไม่เคยพูดออกมา เพื่อสร้างความแตกแยกในสังคม
    • ธุรกิจ: การสร้างวิดีโอ deepfake ของ CEO บริษัท เพื่อประกาศข่าวสารที่เป็นเท็จ เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
    • ความสัมพันธ์ส่วนตัว: การสร้างวิดีโอ deepfake ของคู่รักเพื่อทำลายความสัมพันธ์

Deepfake คืออะไร?

Deepfake คือ เทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างสื่อสังเคราะห์ เช่น วิดีโอ ภาพนิ่ง หรือเสียง ที่ดูเหมือนจริงมาก โดยการนำใบหน้าของบุคคลหนึ่งไปแทนที่บุคคลอีกคนหนึ่งในวิดีโอหรือภาพถ่าย ทำให้ดูเหมือนว่าบุคคลนั้นกำลังพูดหรือทำอะไรบางอย่างที่ไม่ได้ทำจริงๆ

ทำไมเรียกว่า Deepfake?

    • Deep: มาจาก Deep Learning ซึ่งเป็นเทคนิคหนึ่งของ AI ที่ใช้ในการเรียนรู้จากข้อมูลจำนวนมาก ทำให้สามารถสร้างผลลัพธ์ที่ซับซ้อนและเหมือนจริงได้
    • Fake: หมายถึงการปลอมแปลง หรือสิ่งที่ไม่ใช่ของจริง

อุปสรรคในการบังคับใช้กฎหมาย

แม้ว่ากฎหมาย NO FAKES Act จะเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็ยังมีความท้าทายในการบังคับใช้ เนื่องจาก

    • เทคโนโลยี AI พัฒนาอย่างรวดเร็ว: การสร้าง deepfake นั้นง่ายขึ้นเรื่อยๆ และยากที่จะตรวจสอบว่าวิดีโอหรือภาพนั้นเป็นของจริงหรือปลอม

    • การระบุตัวตนของผู้กระทำผิด: การตามหาผู้ที่สร้าง deepfake นั้นเป็นเรื่องยาก เนื่องจากสามารถทำได้โดยไม่เปิดเผยตัวตน

    • การบังคับใช้กฎหมายข้ามชาติ: ผู้กระทำผิดอาจอาศัยอยู่ในประเทศอื่น ซึ่งทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องซับซ้อน

บทสรุป

กฎหมาย NO FAKES Act เป็นกฎหมายที่สำคัญในการปกป้องสิทธิส่วนบุคคลในยุคดิจิทัล อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างมีประสิทธิภาพยังคงเป็นความท้าทายที่ต้องร่วมมือกันแก้ไข ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป

Loading...
Post ID: 15598 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE

Recommended For You

AI NEWS AND EVENTS

OpenAI กลับคืนสู่ผู้นำเดิม มุ่งมั่นปัญญาประดิษฐ์เพื่อประโยชน์สาธารณะ

Sam Altman กลับคืนสู่ OpenAI ด้วยเสียงสนับสนุนจากนักลงทุนและพนักงาน OpenAI ประกาศเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2023 ว่า Sam Altman จะกลับคืนสู่ตำแหน่ง CEO ของบริษัท หลังจากถูกปลด เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
AI Blog NEWS AND EVENTS Technology

รู้จัก Sora เครื่องมือ AI สร้างวิดีโอจาก OpenAI ทำไมทุกคนถึงพูดถึงมัน?

OpenAI เปิดตัว Sora เครื่องมือสร้างวิดีโอสุดล้ำ แต่จำกัดการใช้งานเพื่อความปลอดภัย! วงการปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ OpenAI เปิดตัวเครื่องมือสร้างวิดีโอที่มีชื่อว่า “Sora” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นเครื่องมือที่ “ทรงพลังเกินไปที่จะปล่อยออกมา” แต่ในที่สุด OpenAI ก็ตัดสินใจปล่อยมันออกสู่สาธารณะ ภายใต้ข้อจำกัดที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ไม่เหมาะสม Sora ได้รับความสนใจอย่างมากจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและครีเอเตอร์ในวงการคอนเทนต์