Blog NEWS AND EVENTS Protect Website Security Technology

รู้จัก SS7! ระบบที่แฮกเกอร์ใช้เจาะข้อมูลมือถือ และวิธีป้องกันตัวเอง

แฮกเกอร์กำลังสอดแนมมือถือของคุณอยู่หรือเปล่า? เผยความจริงสุดช็อกเกี่ยวกับ SS7!

ในยุคที่เราต้องพึ่งพามือถือในทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการทำธุรกรรมออนไลน์ การแชทกับเพื่อน และแม้แต่การส่งข้อมูลสำคัญ ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับระบบที่ชื่อว่า SS7 (Signaling System 7) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้านการสื่อสารของเครือข่ายโทรคมนาคมทั่วโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่าระบบ SS7 อาจเป็นช่องทางที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสอดแนมและขโมยข้อมูลของคุณได้?

SS7 คืออะไร?

SS7 (Signaling System 7) คือระบบการสื่อสารสัญญาณที่ช่วยให้เครือข่ายโทรคมนาคมสามารถสื่อสารและควบคุมข้อมูลได้ ระบบนี้เป็นรากฐานของการให้บริการโทรศัพท์ เช่น การโทร การส่งข้อความ SMS และการโรมมิ่งระหว่างเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานสามารถเชื่อมต่อได้ทุกที่ แม้ในต่างประเทศ

ความเสี่ยงของ SS7 ในการถูกโจมตี

แม้ว่า SS7 จะถูกพัฒนามาเพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างปลอดภัยและรวดเร็ว แต่ช่องโหว่ที่สำคัญคือ การขาดการยืนยันตัวตนในระบบการส่งสัญญาณ ซึ่งแฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ในการสอดแนมข้อมูลและดักฟังการโทรได้ ตัวอย่างเช่น แฮกเกอร์สามารถใช้ SS7 ในการดักฟังการโทร การดักจับข้อความ SMS และแม้แต่การเข้าถึงข้อมูลตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้งาน

แฮกเกอร์สามารถใช้ SS7 เพื่อสอดแนมได้อย่างไร?

แฮกเกอร์ที่มีความชำนาญสามารถเข้าถึง SS7 และใช้วิธีต่าง ๆ ในการโจมตี เช่น:

  1. การดักฟังการโทรและข้อความ: แฮกเกอร์สามารถใช้ระบบ SS7 เพื่อดักฟังการสนทนา หรือข้อความ SMS ที่ผู้ใช้ส่งออกไป ซึ่งเป็นการโจมตีที่เรียกว่า Man-in-the-Middle Attack
  2. การดักจับรหัสยืนยัน (OTP): ข้อความ OTP ที่ส่งผ่าน SMS สำหรับการทำธุรกรรมหรือเข้าสู่ระบบจะถูกดักจับได้ง่าย ๆ ทำให้แฮกเกอร์สามารถใช้รหัสยืนยันนี้เพื่อเข้าถึงบัญชีต่าง ๆ ของผู้ใช้งาน
  3. การติดตามตำแหน่งที่อยู่: ด้วยการใช้ SS7 แฮกเกอร์สามารถติดตามตำแหน่งที่อยู่ของผู้ใช้ได้ ทำให้ทราบข้อมูลที่เป็นความลับเช่นตำแหน่งของผู้ใช้งานในขณะนั้น

ผลกระทบต่อผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ

การถูกสอดแนมด้วย SS7 ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล โดยเฉพาะในเรื่องของความเป็นส่วนตัว ข้อมูลการสื่อสารที่ถูกดักฟังไม่ใช่แค่สร้างความกังวลใจ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการเงินหรือความลับส่วนตัวที่อาจถูกเปิดเผยได้

หากแฮกเกอร์สามารถดักฟังข้อความ OTP ได้ พวกเขาสามารถเข้าถึงบัญชีธนาคารหรือบัญชีออนไลน์ต่าง ๆ ได้ทันที ทำให้ผู้ใช้งานต้องเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ การถูกติดตามตำแหน่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรู้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหนและสามารถเข้าถึงคุณได้อย่างง่ายดาย

วิธีการป้องกันการสอดแนมผ่าน SS7

การป้องกันการถูกโจมตีจาก SS7 อาจทำได้ยาก เนื่องจาก SS7 เป็นระบบสากลที่ใช้ในเครือข่ายทั่วโลก อย่างไรก็ตาม นี่คือวิธีที่ช่วยให้คุณเพิ่มระดับความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ:

  1. ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication)
    การใช้แอปยืนยันตัวตน เช่น Google Authenticator หรือ Authy จะปลอดภัยกว่าการรับ OTP ผ่าน SMS เพราะแฮกเกอร์จะไม่สามารถดักจับรหัส OTP จากแอปได้

  2. อัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ
    ตรวจสอบให้แน่ใจว่าโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้รับการอัปเดตล่าสุด เนื่องจากอัปเดตเหล่านี้มักมีการแก้ไขข้อผิดพลาดด้านความปลอดภัย

  3. หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่มีการป้องกัน
    แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงข้อมูลผ่าน Wi-Fi สาธารณะได้ง่าย ๆ การใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้งานอินเทอร์เน็ต

  4. ไม่แชร์หมายเลขโทรศัพท์ในที่สาธารณะ
    การให้หมายเลขโทรศัพท์ในที่สาธารณะหรือบนเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็นอาจทำให้แฮกเกอร์หาทางเข้าถึงบัญชีของคุณได้

  5. เปิดใช้งานการแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบ
    แอปและบริการหลาย ๆ แห่งมีการแจ้งเตือนการเข้าสู่ระบบจากอุปกรณ์ใหม่ ๆ หากคุณได้รับการแจ้งเตือนที่ไม่คุ้นเคย ให้รีบเปลี่ยนรหัสผ่านทันที

บทสรุป: ความปลอดภัยของข้อมูลในยุคดิจิทัล

การโจมตีผ่าน SS7 เป็นภัยคุกคามที่ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือควรตระหนักไว้ แม้จะยากในการป้องกันให้ได้ 100% แต่การตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงและการปฏิบัติตามแนวทางป้องกันความปลอดภัยเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสในการถูกโจมตีลงได้ การระมัดระวังการใช้งานโทรศัพท์มือถือและการตั้งค่าความปลอดภัยให้เหมาะสมจะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาข้อมูลส่วนตัวในโลกดิจิทัลที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามในปัจจุบัน

Loading...
Post ID: 19203 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE

Recommended For You

NEWS AND EVENTS Technology

แบตเตอรี่นิวเคลียร์ พลังงานสะอาดที่ใช้งานได้นาน

แบตเตอรี่นิวเคลียร์ อนาคตของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์พกพา แบตเตอรี่นิวเคลียร์ผลิตพลังงานได้นาน 50 ปีโดยไม่ต้องชาร์จ โดยการอาศัยการสลายตัวของกัมมันตภาพรังสีของวัสดุนิวเคลียร์ ซึ่งจะปล่อยอนุภาคที่มีพลังงานออกมา อนุภาคเหล่านี้จะไปชนกับวัสดุอื่นๆ แล้วทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้าขึ้นมา แบตเตอรี่นิวเคลียร์มีหลายประเภท ประเภทที่นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือแบตเตอรี่แบบ betavoltaic แบตเตอรี่ประเภทนี้ใช้อนุภาคบีตาจากวัสดุกัมมันตภาพรังสี เช่น เทคนีเชียม-99 หรือพลูโตเนียม-238 ไปชนกับสารประกอบของคาร์บอน เช่น กราไฟต์หรือเพชร เพื่อให้เกิดกระแสไฟฟ้า
NEWS AND EVENTS Technology

AI รู้จักคุณดีกว่าที่คุณรู้จักตัวเอง ความเป็นส่วนตัวในยุคข้อมูลขนาดใหญ่

ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวทวีความรุนแรงขึ้น เมื่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ประกาศฟังก์ชันการทำงานที่ได้รับการปรับปรุงด้วย AI ใหม่ จริงอยู่ว่า ความก้าวหน้าที่น่าตื่นเต้นในปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ลองมาดูประเด็นสำคัญๆ ดังนี้ เทคโนโลยีขนาดใหญ่หันมาใช้ AI บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple, Google และ Microsoft ต่างก็นำหน้าในการผสานรวม AI เข้ากับอุปกรณ์และบริการของตน