NEWS AND EVENTS Protect Website Security Technology ภัยร้ายใกล้ตัว! ทำไม Google Facebook และ Amazon ถึงยังถูกแฮ็กได้? August 30, 2024 ความสำคัญของความปลอดภัยทางไซเบอร์ในยุคดิจิทัลในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา การรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องให้ความสำคัญ การแฮ็กและการขโมยข้อมูลกลายเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง มีรายงานวิเคราะห์ชิ้นใหม่ที่เปิดเผยถึงข้อมูลสำคัญว่า Google, Facebook, และ Amazon ซึ่งเป็นสามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับการโจมตีผ่านการแฮ็กรหัสผ่านมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา การโจมตีทางไซเบอร์ ปัญหาที่ไม่เคยหยุดนิ่งการโจมตีทางไซเบอร์ไม่ได้เป็นเพียงปัญหาของบุคคลหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งเท่านั้น แต่กลายเป็นปัญหาระดับโลกที่มีผลกระทบในวงกว้าง ความเสี่ยงในการถูกโจมตีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นผ่านทางมัลแวร์ ฟิชชิง หรือการแฮ็กรหัสผ่าน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับแฮ็กเกอร์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินของผู้ใช้งาน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีตย้อนกลับไปในปี 2018 Facebook ประสบกับการโจมตีครั้งใหญ่ที่ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งานกว่า 50 ล้านคนถูกเปิดเผย เนื่องจากช่องโหว่ในระบบความปลอดภัย เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัท แต่ยังทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกจัดเก็บไว้ในแพลตฟอร์มดังกล่าว ในกรณีของ Amazon มีเหตุการณ์ในปี 2019 ที่มีการเข้าถึงข้อมูลลูกค้าผ่านการแฮ็กรหัสผ่าน ซึ่งทำให้ข้อมูลสำคัญเช่น บัตรเครดิตและที่อยู่ของลูกค้าถูกขโมยไป ข้อมูลสถิติจากการศึกษาล่าสุดพบว่าในปี 2023 มีการพยายามโจมตีทางไซเบอร์ในรูปแบบต่าง ๆ กว่า 7.9 พันล้านครั้งทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2022 ที่มีประมาณ 6.2 พันล้านครั้ง และคาดการณ์ว่าจำนวนนี้จะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2024 ซึ่ง Google, Facebook, และ Amazon เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ถูกพยายามโจมตีมากที่สุด โดยเฉพาะการแฮ็กรหัสผ่าน ซึ่งเป็นวิธีการที่แฮ็กเกอร์ใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่มีค่าเหล่านี้ ทำไม Google, Facebook, และ Amazon จึงเป็นเป้าหมายGoogle, Facebook, และ Amazon เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีฐานผู้ใช้งานขนาดใหญ่และมีข้อมูลส่วนบุคคลที่สำคัญอยู่ในระบบจำนวนมาก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีคุณค่าทั้งในเชิงการเงินและเชิงข้อมูล ความพยายามในการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานเป็นสิ่งที่บริษัทเหล่านี้ให้ความสำคัญมาโดยตลอด แต่ในขณะเดียวกัน แฮ็กเกอร์ก็พัฒนาวิธีการโจมตีที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อที่จะฝ่าระบบป้องกันและเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ การโจมตีที่ประสบความสำเร็จเพียงครั้งเดียวสามารถก่อให้เกิดผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล การขโมยข้อมูลบัตรเครดิต หรือแม้แต่การเข้าควบคุมบัญชีผู้ใช้งาน ซึ่งอาจนำไปสู่การทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นความลับต่อสาธารณะ แนวโน้มการแฮ็กรหัสผ่านในปี 2024ในปี 2024 นี้ มีการคาดการณ์ว่าการโจมตีด้วยการแฮ็กรหัสผ่านจะมีความถี่และความซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แฮ็กเกอร์จะใช้เทคนิคที่ซับซ้อนขึ้น เช่น การใช้ AI เพื่อทำนายรหัสผ่านที่คาดเดาได้ยาก หรือการใช้ฟิชชิงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้งานเปิดเผยข้อมูลรหัสผ่านโดยไม่รู้ตัว หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้การแฮ็กรหัสผ่านกลายเป็นปัญหาที่ยากต่อการป้องกันคือพฤติกรรมของผู้ใช้งานเองที่มักจะใช้รหัสผ่านที่ง่ายต่อการคาดเดา หรือใช้รหัสผ่านเดียวกันในหลายบริการ ซึ่งทำให้เมื่อแฮ็กเกอร์สามารถเข้าถึงรหัสผ่านของผู้ใช้งานในบริการหนึ่งได้ ก็สามารถใช้รหัสผ่านนั้นเพื่อเข้าถึงบริการอื่น ๆ ที่ผู้ใช้งานใช้รหัสผ่านเดียวกันได้เช่นกัน การพัฒนาของเทคโนโลยีความปลอดภัยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อการโจมตีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น หนึ่งในนั้นคือการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning ในการตรวจจับและป้องกันการโจมตี AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบการโจมตีที่เกิดขึ้นและปรับตัวเพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาการยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (Multi-Factor Authentication) ซึ่งเพิ่มความยากลำบากในการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน โดยแฮ็กเกอร์ต้องมีข้อมูลมากกว่าหนึ่งประเภทเพื่อเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ การป้องกันตัวเองจากการถูกแฮ็กการป้องกันตัวเองจากการถูกแฮ็กเป็นสิ่งที่ผู้ใช้งานทุกคนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้บริการของบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี เช่น Google, Facebook, และ Amazon มีแนวทางหลายประการที่สามารถใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลและลดความเสี่ยงในการถูกแฮ็ก 1. การใช้รหัสผ่านที่มีความซับซ้อนผู้ใช้งานควรตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวและมีความซับซ้อน รวมถึงการใช้ตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์ผสมกัน นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้คำที่คาดเดาได้ง่าย เช่น ชื่อ วันเกิด หรือคำที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของตนเอง 2. การเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอการเปลี่ยนรหัสผ่านอย่างสม่ำเสมอเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยลดความเสี่ยงในการถูกแฮ็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้รหัสผ่านเดียวกันในหลายบริการ การเปลี่ยนรหัสผ่านจะช่วยให้แฮ็กเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ง่าย 3. การใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication)การเปิดใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนจะเพิ่มชั้นความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง โดยการที่ต้องยืนยันตัวตนด้วยวิธีอื่นนอกจากรหัสผ่าน เช่น การกรอกรหัส OTP ที่ส่งไปยังโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะทำให้แฮ็กเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงบัญชีของคุณได้ง่าย 4. การหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือการหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากอีเมลที่ไม่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันตัวเองจากการถูกแฮ็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับอีเมลจากผู้ส่งที่ไม่รู้จักหรือลิงก์ที่มีลักษณะน่าสงสัย บทสรุปโลกดิจิทัลในปัจจุบันเต็มไปด้วยโอกาสและความเสี่ยง การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราใช้บริการจากบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำอย่าง Google, Facebook, และ Amazon ที่แม้ว่าจะมีการพัฒนาระบบป้องกันการแฮ็กอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงที่จะถูกโจมตีได้เสมอ การป้องกันตัวเองจากการถูกแฮ็กไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องการความระมัดระวังและการตั้งใจในทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อน การใช้การยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน หรือการหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางส่วนของวิธีการที่สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลของคุณในโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การรับรู้ถึงความเสี่ยงและการเตรียมพร้อมในการป้องกันตัวเองจะทำให้คุณสามารถใช้งานเทคโนโลยีได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในปี 2024 และอนาคตข้างหน้า Post Views: 251 Loading... Post ID: 16774 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE