Nvidia CES 2025 สร้างนวัตกรรมที่เปลี่ยนอนาคตด้วย AI และ Omniverse

January 9, 2025

Nvidia สร้างนิยามใหม่ของนวัตกรรม จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์สู่รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติใน CES 2025

งาน Consumer Electronics Show (CES) 2025 กลายเป็นอีกครั้งที่ Nvidia แสดงศักยภาพในฐานะผู้นำนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี โดยการประกาศใหม่ของบริษัทครอบคลุมตั้งแต่ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ไปจนถึง รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งแสดงถึงอนาคตของการผสานเทคโนโลยี AI และฮาร์ดแวร์ที่ก้าวล้ำ

ในบทความนี้ เราจะพาคุณสำรวจนวัตกรรมหลัก ๆ ที่ Nvidia นำเสนอใน CES 2025 พร้อมเจาะลึกถึงผลกระทบที่อาจมีต่ออุตสาหกรรมและชีวิตประจำวัน

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด NVIDIA DGX GH200

Nvidia เปิดตัว DGX GH200 ซึ่งเป็น ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการด้าน AI ขั้นสูง เช่น การประมวลผลโมเดลปัญญาประดิษฐ์ขนาดใหญ่ (Large Language Models – LLMs) และระบบ AI เจนเนอเรทีฟ

จุดเด่นของ DGX GH200

ใช้หน่วยประมวลผล Nvidia Grace Hopper Superchips ซึ่งรวม CPU และ GPU เข้าด้วยกัน
รองรับการทำงานแบบกระจาย (distributed computing) สำหรับการฝึก AI ขนาดใหญ่
ประสิทธิภาพสูงกว่า DGX รุ่นก่อนหน้าถึง 2 เท่า

Nvidia ชี้ว่า DGX GH200 จะช่วยให้องค์กรพัฒนา AI Models ที่แม่นยำและซับซ้อนขึ้น ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานในภาคธุรกิจ, วิทยาศาสตร์ข้อมูล และการวิจัย

ขับเคลื่อนอนาคตด้วยรถบรรทุกอัตโนมัติ

Nvidia ไม่ได้หยุดเพียงแค่การสร้างฮาร์ดแวร์ AI แต่ยังขยายไปยัง ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

Nvidia Drive Thor แพลตฟอร์ม AI แห่งยานยนต์

Drive Thor เป็นหน่วยประมวลผลที่ออกแบบมาเพื่อติดตั้งในยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติ โดยมีจุดเด่นดังนี้:

ประสิทธิภาพสูง: รองรับการประมวลผลข้อมูลจากเซ็นเซอร์หลายตัว เช่น กล้อง LIDAR และ Radar
ความยืดหยุ่น: สามารถใช้งานได้ทั้งในรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถบรรทุก
ลดต้นทุน: รวมระบบ AI สำหรับการขับขี่, การนำทาง, และการสื่อสารไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

Nvidia ตั้งเป้าหมายว่า Drive Thor จะช่วยให้รถบรรทุกสามารถขนส่งสินค้าได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยลดการพึ่งพาคนขับในระยะยาว

Omniverse และโลกเสมือนจริง

Nvidia ขยายขีดความสามารถของ Omniverse ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสร้างและจำลองโลกเสมือนจริง (Virtual Worlds) เพื่อรองรับการทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สถาปัตยกรรม, การออกแบบผลิตภัณฑ์, และการผลิต

ฟีเจอร์ใหม่ใน Omniverse

การปรับปรุง AI Avatars เพื่อการสื่อสารที่เหมือนจริงยิ่งขึ้น
การจำลองโรงงานอัจฉริยะในโลกเสมือนจริง (Digital Twins)
รองรับการทำงานข้ามแพลตฟอร์มแบบเรียลไทม์

Omniverse ช่วยให้ธุรกิจลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องการการทดสอบก่อนการผลิตจริง

ผลกระทบต่ออนาคต

Nvidia ยังคงเป็นศูนย์กลางของนวัตกรรมที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น AI, การขับเคลื่อนอัตโนมัติ, หรือ การสร้างโลกเสมือนจริง ซึ่งจะมีผลกระทบดังนี้

ธุรกิจ: เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้เร็วขึ้น
การขนส่ง: การใช้รถบรรทุกขับเคลื่อนอัตโนมัติช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดอุบัติเหตุ
วิทยาศาสตร์และการศึกษา: DGX GH200 ช่วยขยายขอบเขตของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการพัฒนา AI