AI ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถจำลองกระบวนการฟิวชั่นได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ช่วยให้พวกเขาเข้าใจถึงฟิสิกส์ที่อยู่เบื้องหลังและค้นหาวิธีที่ดีที่สุดในการควบคุมกระบวนการ AI ยังสามารถใช้ในการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพและทนทานมากขึ้น
ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก MIT ใช้ AI เพื่อออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นแบบใหม่ที่เรียกว่า “Sparc” เครื่องปฏิกรณ์นี้มีขนาดเล็กและราคาถูกกว่าเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นแบบดั้งเดิมมาก
ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสหราชอาณาจักรใช้ AI เพื่อพัฒนาวิธีการควบคุมพลาสมาในเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่น พลาสมาคือสถานะที่สี่ของสสารซึ่งประกอบด้วยไอออนและอิเล็กตรอนที่มีประจุไฟฟ้า พลาสมาที่ร้อนจัดจำเป็นสำหรับการเกิดฟิวชั่น
ความหวัง นักวิทยาศาสตร์หวังว่า AI จะช่วยให้พวกเขาเอาชนะอุปสรรคทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ขัดขวางการพัฒนาพลังงานฟิวชั่น พวกเขาคาดหวังว่าพลังงานฟิวชั่นจะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลกในอนาคต
ความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาพลังงานฟิวชั่นเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องใช้ความร่วมมือจากนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรจากหลายประเทศ AI ช่วยให้การทำงานร่วมกันนี้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทีมนักวิทยาศาสตร์จากประเทศต่างๆ สามารถใช้ AI เพื่อแบ่งปันข้อมูลและผลการวิจัย ทำงานร่วมกันในการจำลองและออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่น และพัฒนาอัลกอริธึม AI ใหม่
จริยธรรมและความปลอดภัย การใช้ AI ในการพัฒนาพลังงานฟิวชั่นมีประเด็นด้านจริยธรรมและความปลอดภัยที่ต้องพิจารณา ตัวอย่างเช่น
อคติใน AI อัลกอริธึม AI อาจมีอคติแฝงอยู่ ซึ่งอาจนำไปสู่การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่นที่มีประสิทธิภาพน้อยลงหรือไม่ปลอดภัย
การใช้ AI ในทางที่ผิด AI powerful tool ที่สามารถใช้ในทางที่ผิดได้
สรุป AI กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ปริศนาการหลอมรวมนิวเคลียร์ฟิวชั่น นักวิทยาศาสตร์มีความหวังว่า AI จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาแหล่งพลังงานที่สะอาด ปลอดภัย และยั่งยืนสำหรับโลก