อัปเดต Windows 11 Microsoft เตรียมบอกลา Control Panel อย่างถาวร
August 24, 2024
Microsoft เตรียมยกเลิกฟีเจอร์ ‘Control Panel’
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นกับ Windows
Microsoft ประกาศการตัดสินใจที่จะยกเลิกหนึ่งในฟีเจอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของระบบปฏิบัติการ Windows นั่นคือ ‘Control Panel’ ที่ถูกใช้งานมาตลอดเกือบ 40 ปี ฟีเจอร์นี้เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยในหมู่ผู้ใช้ Windows โดยทำหน้าที่ในการจัดการการตั้งค่า การถอนการติดตั้งโปรแกรม และการปรับแต่งระบบ อย่างไรก็ตาม Microsoft กำลังจะย้ายฟังก์ชันเหล่านี้ไปยังแอป ‘Settings’ ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Microsoft เปิดตัว Windows 10 ซึ่งมีการแนะนำแอป ‘Settings’ เพื่อทดแทน ‘Control Panel’ แต่ ‘Control Panel’ ยังคงมีให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ที่ชื่นชอบอินเทอร์เฟซแบบเดิมๆ อย่างไรก็ตาม ในการอัปเดต Windows 11 ที่กำลังจะมา Microsoft จะก้าวไปอีกขั้นโดยการยกเลิก ‘Control Panel’ อย่างสิ้นเชิง เพื่อมอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นเอกภาพและลื่นไหลมากยิ่งขึ้น
มรดกของ Control Panel
‘Control Panel’ เป็นศูนย์กลางสำคัญสำหรับผู้ใช้ Windows ทำหน้าที่เป็นประตูสู่การตั้งค่าและการกำหนดค่าต่างๆ ในระบบ เปิดตัวครั้งแรกใน Windows 2.0 ในปี 1987 มันให้ผู้ใช้สามารถจัดการระบบผ่านอินเทอร์เฟซกราฟิก ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจากเครื่องมือคำสั่งที่ใช้ก่อนหน้านี้ ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ‘Control Panel’ กลายเป็นสถานที่หลักในการจัดการตั้งแต่การติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ไปจนถึงการตั้งค่าเครือข่ายและบัญชีผู้ใช้
เมื่อ Windows พัฒนาขึ้น ‘Control Panel’ ก็ได้รับการขยายขีดความสามารถมากขึ้น และกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผู้ใช้ทุกระดับใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้ทั่วไปหรือผู้เชี่ยวชาญด้าน IT
การขึ้นมาของแอป Settings
การแนะนำแอป ‘Settings’ ใน Windows 8 ถือเป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงสู่การใช้งานอินเทอร์เฟซที่ทันสมัยและเรียบง่ายขึ้น แอปนี้ถูกออกแบบให้มีความเข้าใจง่าย เน้นที่ความเรียบง่ายและการใช้งานที่สะดวกสบาย ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทดแทน ‘Control Panel’ ในอนาคต อย่างไรก็ตาม Microsoft ได้เลือกวิธีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยให้ทั้งสองอินเทอร์เฟซนี้อยู่ร่วมกันในหลายๆ เวอร์ชันของ Windows
ด้วยการเปิดตัว Windows 10 Microsoft ได้ขยายแอป ‘Settings’ ให้ครอบคลุมฟังก์ชันที่เคยมีใน ‘Control Panel’ แอป ‘Settings’ นี้มอบประสบการณ์การใช้งานที่สอดคล้องกันมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ที่ใช้หน้าจอสัมผัส ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอินเทอร์เฟซที่สะอาดและเป็นระเบียบมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดการออกแบบของ Windows สมัยใหม่
เหตุผลที่ Microsoft ยกเลิก Control Panel
การตัดสินใจยกเลิก ‘Control Panel’ มีปัจจัยหลายประการที่สนับสนุน อย่างแรก Microsoft ต้องการลดความซ้ำซ้อนภายในระบบปฏิบัติการ การมีอินเทอร์เฟซสองแบบที่ทำหน้าที่เดียวกันอาจทำให้ผู้ใช้สับสน โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มใช้ Windows ด้วยการรวมทุกการตั้งค่าไว้ในแอป ‘Settings’ Microsoft สามารถมอบประสบการณ์การใช้งานที่เป็นเอกภาพมากขึ้น
ประการที่สอง แอป ‘Settings’ ถูกออกแบบให้รองรับอนาคตได้มากขึ้น เมื่อ Microsoft ยังคงพัฒนา Windows ต่อไป แอป ‘Settings’ สามารถปรับตัวเข้ากับฟีเจอร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่าย ในขณะที่ ‘Control Panel’ ซึ่งอิงกับสถาปัตยกรรมเก่า ทำให้การอัปเดตและการบำรุงรักษายากขึ้น
Microsoft ได้ทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าฟังก์ชันสำคัญทั้งหมดจะสามารถใช้งานได้ในแอป ‘Settings’ ก่อนที่จะยกเลิก ‘Control Panel’ อย่างสิ้นเชิง ผู้ใช้อาจเห็นการอัปเดตและการปรับปรุงเพิ่มเติมในแอป ‘Settings’ เนื่องจาก Microsoft ยังคงปรับแต่งและพัฒนาประสบการณ์การใช้งานของ Windows อย่างต่อเนื่อง
ในระยะยาว การเปลี่ยนแปลงนี้คาดว่าจะทำให้ Windows ใช้งานง่ายขึ้น และเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายมากขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นไปที่อินเทอร์เฟซที่เป็นเอกภาพ Microsoft สามารถยังคงนวัตกรรมและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้ต่อไป
สรุป
Microsoft กำลังจะยกเลิกฟีเจอร์ ‘Control Panel’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Windows มานานเกือบ 40 ปี โดยจะย้ายฟังก์ชันต่างๆ ไปยังแอป ‘Settings’ ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มขึ้นใน Windows 10 และจะดำเนินต่อไปใน Windows 11 ซึ่ง Microsoft มุ่งเน้นให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์การใช้งานที่เป็นเอกภาพและราบรื่นมากยิ่งขึ้น
การยกเลิก ‘Control Panel’ เป็นผลจากความต้องการลดความซ้ำซ้อนภายในระบบปฏิบัติการและเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตด้วยอินเทอร์เฟซที่สามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น แม้ผู้ใช้บางกลุ่มอาจต้องปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ในระยะยาว การเปลี่ยนไปใช้แอป ‘Settings’ จะทำให้ Windows ใช้งานง่ายขึ้นและมีประสบการณ์ที่สอดคล้องกันบนทุกอุปกรณ์ของ Microsoft
Sea of Stars เกมอินดี้ที่ได้รับรางวัลที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความทันสมัย Sea of Stars เป็นเกมอินดี้ที่ได้รับรางวัลในปี 2023 จาก The Game Awards, Golden Joystick Awards และ BAFTA Game Awards