NEWS AND EVENTS Protect Website Security Technology

ระวัง! 58% ของโฆษณาคริปโตบน Facebook ไม่น่าเชื่อถือ เสี่ยงสูญเงิน

ศาลตัดสินว่า 58% ของโฆษณาคริปโตบน Facebook เป็นการหลอกลวง

คณะกรรมการแข่งขันและผู้บริโภคของออสเตรเลีย (ACCC) ได้ยื่นฟ้องต่อศาล โดยระบุว่ามีโฆษณาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลบน Facebook ถึง 58% ที่ละเมิดนโยบายโฆษณาของ Meta หรือเป็นการหลอกลวงโดยตรง

ACCC กล่าวหา Meta ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่หลายของการหลอกลวงเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้ชื่อดาราเซเลบริตี้มาหลอกลวงผู้บริโภค และกล่าวหาว่า Meta ไม่ได้ปกป้องผู้บริโภคจากการกระทำที่หลอกลวงเหล่านี้เพียงพอ อย่างไรก็ตาม Meta ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยอ้างว่าข้อมูลที่ใช้ในการฟ้องคดีนั้นล้าสมัยและไม่น่าเชื่อถือ

การเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจครั้งนี้ ทำให้เกิดการตรวจสอบอย่างเข้มงวดต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและบทบาทของพวกเขาในการควบคุมโฆษณาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล และเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการที่เข้มงวดเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากภัยคุกคามทางการเงินที่แพร่หลาย คดีนี้มีผลกระทบที่กว้างขวางต่ออุตสาหกรรม และอาจเป็นบรรทัดฐานสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายในอนาคต

ขณะที่การต่อสู้ทางกฎหมายดำเนินต่อไป สายตาของสาธารณชนจะจับจ้องไปที่ผลลัพธ์ โดยหวังว่าจะนำไปสู่การปฏิรูปครั้งใหญ่ในวิธีที่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียจัดการกับโฆษณาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

ในขณะนี้ ข้อมูลที่เปิดเผยสู่สาธารณะอาจยังไม่ครอบคลุมถึงรายละเอียดทั้งหมด ที่ ACCC นำมาใช้ในการวิเคราะห์และคำนวณตัวเลข 58% นี้ อาจเป็นเพราะ

    • กระบวนการทางกฎหมาย: ข้อมูลบางส่วนอาจยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล และยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะทั้งหมด
    • ความซับซ้อนของข้อมูล: การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับโฆษณาออนไลน์เป็นกระบวนการที่ซับซ้อน อาจเกี่ยวข้องกับเทคนิคทางสถิติและเครื่องมือวิเคราะห์ที่เฉพาะเจาะจง
    • การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล: ข้อมูลบางส่วนอาจเกี่ยวข้องกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Facebook และอาจไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด

ข้อกล่าวหาหลักที่ ACCC ยื่นฟ้อง Meta ก็คือ Meta ไม่สามารถควบคุมโฆษณาเกี่ยวกับคริปโตที่หลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพพอ

วิธีการที่ Meta ถูกกล่าวหาว่าไม่สามารถควบคุม

    • ระบบตรวจสอบที่ไม่เข้มงวด: ACCC อ้างว่าระบบตรวจสอบของ Meta นั้นไม่สามารถตรวจจับโฆษณาที่หลอกลวงได้ทันท่วงที ทำให้โฆษณาเหล่านี้ปรากฏบนแพลตฟอร์มได้เป็นระยะเวลานาน

    • การตอบสนองต่อการร้องเรียนล่าช้า: เมื่อมีผู้ใช้ร้องเรียนเกี่ยวกับโฆษณาที่น่าสงสัย Meta ไม่ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ

    • การอนุญาตให้ผู้โฆษณาที่ไม่น่าเชื่อถือใช้งานแพลตฟอร์ม: ACCC ระบุว่า Meta อนุญาตให้ผู้โฆษณาที่ประวัติไม่ดีหรือไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้องสามารถสร้างและเผยแพร่โฆษณาบนแพลตฟอร์มได้

    • การไม่รับผิดชอบต่อเนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้น: แม้ว่า Meta จะมีนโยบายห้ามโฆษณาที่หลอกลวง แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาที่คล้ายคลึงกับโฆษณาได้ โดยหลีกเลี่ยงคำที่เป็นกุญแจสำคัญที่ระบบตรวจจับของ Meta ใช้

ตัวอย่างการใช้ชื่อดาราเซเลบริตี้

ในคดีนี้ ACCC ได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้โฆษณาแอบอ้างใช้ชื่อของดาราเซเลบริตี้ชาวออสเตรเลียชื่อดัง เพื่อโปรโมทโครงการลงทุนในคริปโตที่เป็นการหลอกลวง ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหลงเชื่อและสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก

ผลกระทบของการกระทำดังกล่าว

    • ความเสียหายทางการเงิน: ผู้บริโภคจำนวนมากสูญเสียเงินไปกับการลงทุนในโครงการที่หลอกลวง

    • ความเสียหายต่อชื่อเสียงของดาราเซเลบริตี้: ดาราเซเลบริตี้ที่ถูกแอบอ้างชื่อเสียงได้รับความเสียหาย และอาจถูกมองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหลอกลวง

    • ความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ Meta: กรณีนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Meta ในฐานะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ปลอดภัยลดลง และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้

ปฏิกิริยาของ Meta

Meta ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาของ ACCC อย่างแข็งขัน โดยให้เหตุผลหลักคือ ข้อมูลที่ใช้ในการฟ้องร้องนั้นล้าสมัย และ ไม่สะท้อนถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของ Meta ในการต่อสู้กับการหลอกลวงบนแพลตฟอร์ม

Meta อ้างว่า

    • ข้อมูลเก่า: ข้อมูลที่ ACCC นำมาใช้ในการฟ้องร้องนั้นเป็นข้อมูลเก่า ซึ่งไม่สอดคล้องกับการปรับปรุงระบบและนโยบายของ Meta ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา

    • มาตรการป้องกัน: Meta ได้พัฒนาระบบ AI และเครื่องมือตรวจจับที่ทันสมัย เพื่อค้นหาและลบโฆษณาที่ผิดกฎหมายและหลอกลวงออกจากแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง

    • ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐ: Meta ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรต่างๆ ทั่วโลก เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลและพัฒนามาตรการป้องกันการหลอกลวงร่วมกัน

สิ่งที่ Meta อาจทำเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหา

    • เปิดเผยข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน: Meta อาจพิจารณาเปิดเผยข้อมูลสถิติล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนโฆษณาที่ถูกระงับและลบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการแก้ไขปัญหา

    • ปรับปรุงนโยบาย: Meta อาจทบทวนและปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับโฆษณาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ให้มีความเข้มงวดและชัดเจนยิ่งขึ้น

    • เพิ่มช่องทางการรายงาน: สร้างช่องทางที่ง่ายและสะดวกสำหรับผู้ใช้ในการรายงานโฆษณาที่น่าสงสัย

    • ความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ: ร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านสกุลเงินดิจิทัลและการหลอกลวง เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับที่แม่นยำยิ่งขึ้น

ผลกระทบต่อผู้ใช้งานและวิธีป้องกันตนเองจากโฆษณาคริปโตหลอกลวง

ผลกระทบที่ผู้ใช้งานอาจได้รับ

    • การสูญเสียเงิน: นี่คือผลกระทบที่ชัดเจนที่สุด ผู้ใช้งานอาจสูญเสียเงินจำนวนมากไปกับการลงทุนในโครงการที่ไม่มีอยู่จริง หรือถูกหลอกให้โอนเงินไปยังบัญชีที่ไม่น่าเชื่อถือ

    • ข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล: โฆษณาหลอกลวงมักจะขอให้ผู้ใช้งานกรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น หมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลบัญชีธนาคาร หรือแม้แต่ข้อมูลประจำตัว ซึ่งอาจนำไปสู่การถูกขโมยข้อมูลและนำไปใช้ในทางที่ผิด

    • ความเสียหายทางจิตใจ: การสูญเสียเงินและข้อมูลส่วนบุคคลอาจส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของผู้ใช้งาน ทำให้เกิดความเครียด กังวล และความไม่ไว้วางใจต่อผู้อื่น

สิ่งที่ผู้ใช้งานสามารถทำได้เพื่อป้องกันตนเอง

    • ตรวจสอบข้อมูลให้ละเอียด: ก่อนตัดสินใจลงทุนในโครงการใด ๆ ควรตรวจสอบข้อมูลของโครงการนั้นให้ละเอียด เช่น ทีมงานผู้พัฒนา ประวัติการทำงาน โครงการที่เคยทำ และความคิดเห็นของผู้ใช้งานรายอื่น

    • ระวังโฆษณาที่เกินจริง: โฆษณาที่สัญญาผลตอบแทนที่สูงเกินจริง หรือการันตีผลกำไรอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยง

    • ไม่คลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ: หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ในอีเมลหรือข้อความที่ส่งมาจากผู้ที่ไม่รู้จัก หรือลิงก์ที่ปรากฏในโฆษณาที่น่าสงสัย

    • ใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส: โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีจะช่วยป้องกันไม่ให้คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์ที่อาจขโมยข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ

    • ระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล: ไม่ควรเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ หรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย

    • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณไม่แน่ใจว่าโครงการใด ๆ ปลอดภัยหรือไม่ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินหรือผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล

สรุป

ศาลตัดสินว่า 58% ของโฆษณาคริปโตบน Facebook เป็นการหลอกลวง โดยคณะกรรมการแข่งขันและผู้บริโภคของออสเตรเลีย (ACCC) ได้ยื่นฟ้อง Meta โดยกล่าวหาว่า Meta มีส่วนในการแพร่กระจายของการหลอกลวงเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งใช้ชื่อดารามาหลอกผู้บริโภค ทั้งนี้ Meta ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าข้อมูลที่ใช้ฟ้องคดีนั้นล้าสมัยและไม่น่าเชื่อถือ

การเปิดเผยข้อมูลนี้ได้สร้างแรงกดดันให้มีการตรวจสอบการจัดการโฆษณาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างเข้มงวดมากขึ้น และอาจเป็นบรรทัดฐานสำหรับการดำเนินการทางกฎหมายในอนาคต ขณะที่ Meta อ้างว่าได้พัฒนาระบบป้องกันและร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อป้องกันการหลอกลวง แต่ ACCC ระบุว่า Meta ยังไม่สามารถควบคุมโฆษณาที่หลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้บริโภคได้รับความเสียหายทั้งทางการเงินและจิตใจจากการหลอกลวงดังกล่าว

Loading...
Post ID: 16151 | TTT-WEBSITE | AFRA APACHE

Recommended For You

รับทำเว็บไซต์ รับออกแบบเว็บไซต์ เว็บไซต์สำเร็จรูป เว็บไซต์ราคาถูก
Game NEWS AND EVENTS

Cyberpunk 2077: Phantom Liberty เตรียมปล่อยตัว 26 กันยายนนี้

Cyberpunk 2077: Phantom Liberty โอกาสแก้ตัวครั้งสุดท้ายของ CD Projekt Red ยืนยัน เวลาปล่อยตัว ของส่วนเสริม Phantom Liberty สำหรับเกม Cyberpunk 2077 ซึ่งจะเป็น ส่วนเสริมแรก และส่วนเสริมเดียว ของเกมนี้
NEWS AND EVENTS Technology

Intel Meteor Lake-S: ชิปเดสก์ท็อปที่ทรงพลังที่สุดในโลก

Intel ยืนยัน CPU Meteor Lake-S สำหรับเดสก์ท็อปจะมาในปี 2024 Intel ยืนยัน แล้วว่า CPU Meteor Lake-S สำหรับ เดสก์ท็อป จะมาในปี 2024 ซึ่งได้ ปัดเป่า ข่าวลือ