ข้อห้ามใหม่ของ Google! กฎการใช้งาน Generative AI ที่ผู้ใช้ทุกคนต้องรู้

🚀 ทำไมการอัปเดตนโยบายนี้จึงสำคัญ?

Google ได้ประกาศปรับปรุง นโยบายการใช้งาน Generative AI เพื่อเพิ่มความชัดเจน ความโปร่งใส และการใช้งานที่มีความรับผิดชอบมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลต่อทั้งนักพัฒนา ผู้ใช้งาน และบริษัทที่ต้องการใช้เครื่องมือ Generative AI ของ Google เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ปลอดภัยและมีจริยธรรมมากขึ้น

นโยบายใหม่มุ่งเน้นไปที่การควบคุม เนื้อหาที่ไม่เหมาะสม การป้องกันการใช้ AI เพื่อสร้างมัลแวร์ และการป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับผลิตภัณฑ์ AI เช่น Bard AI, Vertex AI และ Generative AI APIs ที่ผู้พัฒนาใช้เพื่อสร้างเนื้อหาข้อความ รูปภาพ วิดีโอ และข้อมูลอื่น ๆ

🌐 1. จุดประสงค์ของการปรับปรุงนโยบาย Generative AI

การปรับปรุงนโยบายของ Google มุ่งเน้นไปที่การสร้างความปลอดภัย ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านเทคโนโลยีทั่วโลก ประเด็นสำคัญมีดังนี้:

ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว: Google ห้ามใช้ Generative AI ในการสร้างเนื้อหาที่ละเมิดความเป็นส่วนตัวของบุคคล เช่น การสร้างภาพปลอม (Deepfake) หรือการจำลองเสียงของบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
ป้องกันการใช้เพื่อกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย: Google ไม่อนุญาตให้ใช้ AI เพื่อสร้างมัลแวร์, ฟิชชิ่ง (phishing), สแปม และกิจกรรมที่อาจเป็นภัยต่อความปลอดภัยทางไซเบอร์
การป้องกันเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม: ห้ามใช้ Generative AI เพื่อสร้างเนื้อหาที่ส่งเสริมความรุนแรง, การเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ, การแสดงความเกลียดชัง, การล่วงละเมิดทางเพศ และเนื้อหาที่ละเมิดกฎหมาย
ความโปร่งใสและการติดฉลากเนื้อหา: Google ต้องการให้ผู้ใช้รู้ว่าเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นโดย Generative AI จะต้องได้รับการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นเนื้อหาที่มาจาก AI เช่น การเพิ่มข้อความ “Generated by AI” หรือสัญลักษณ์ที่แสดงว่าเนื้อหานี้สร้างขึ้นโดย AI

🚫 2. สิ่งที่ห้ามทำภายใต้นโยบายใหม่ของ Generative AI

การสร้างเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม
- ห้ามใช้ AI เพื่อสร้าง เนื้อหาที่ล่วงละเมิด (เช่น เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหรือความรุนแรง)
- ห้ามสร้าง ภาพลามกอนาจาร หรือเนื้อหาทางเพศที่ไม่ได้รับความยินยอม
การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล
- ห้ามใช้ AI เพื่อสร้าง ภาพปลอม (Deepfake) ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต
- ห้ามจำลองเสียงของบุคคลเพื่อหลอกลวงหรือแอบอ้างบุคคลอื่น
การโจมตีทางไซเบอร์
- ห้ามใช้ AI เพื่อสร้างมัลแวร์, สคริปต์แฮ็ก, หรือเครื่องมือฟิชชิ่ง (phishing) ที่อาจเป็นภัยต่อระบบคอมพิวเตอร์และความปลอดภัยทางไซเบอร์
การส่งเสริมความเกลียดชังและการเลือกปฏิบัติ
- ห้ามใช้ AI เพื่อสร้าง เนื้อหาที่ส่งเสริมความเกลียดชัง ที่เกี่ยวข้องกับเชื้อชาติ, ศาสนา, รสนิยมทางเพศ หรืออัตลักษณ์ทางเพศ
การใช้ AI เพื่อหลอกลวง (Misleading Content)
- การสร้างข่าวปลอม (Fake News) หรือเนื้อหาที่อาจทำให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับข้อเท็จจริง ถือเป็นการละเมิดนโยบาย

✅ 3. สิ่งที่อนุญาตให้ทำภายใต้นโยบาย

Google อนุญาตให้ใช้งาน Generative AI สำหรับกิจกรรมที่เป็นไปในเชิงบวกและสร้างสรรค์ เช่น

การสร้างเนื้อหาสำหรับธุรกิจและการตลาด: เช่น การเขียนบทความ, การสร้างเนื้อหาสำหรับโซเชียลมีเดีย หรือการโฆษณา
การสนับสนุนด้านการศึกษา: เช่น การพัฒนาเครื่องมือช่วยสอน (Educational AI) เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของนักเรียน
การสนับสนุนการสร้างสรรค์ทางศิลปะ: อนุญาตให้ใช้ AI เพื่อสร้างงานศิลปะที่มีวัตถุประสงค์เพื่อความคิดสร้างสรรค์ เช่น ดนตรี, ภาพวาด, และการออกแบบผลิตภัณฑ์
การวิเคราะห์ข้อมูลและธุรกิจ: ใช้ Generative AI เพื่อประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่และสนับสนุนการตัดสินใจทางธุรกิจ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก

📢 4. ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน

นักพัฒนา: นักพัฒนาซอฟต์แวร์ต้องปฏิบัติตามนโยบายของ Google เพื่อให้สามารถใช้ Google AI APIs ได้
ผู้ใช้งานทั่วไป: ผู้ใช้งานจะได้รับความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากเนื้อหาที่มาจาก AI จะต้องระบุให้ชัดเจนว่าเป็น “Generated by AI”
บริษัทและองค์กร: บริษัทที่ต้องการใช้ AI เพื่อการโฆษณาและการตลาด ต้องมั่นใจว่าเนื้อหาไม่ละเมิดนโยบายของ Google

🔥 5. ที่กระตุ้นการมีส่วนร่วม

📢 “คุณคิดว่าการอัปเดตนโยบายของ Google สำหรับ Generative AI จะช่วยให้เนื้อหาในโลกออนไลน์ปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่? แสดงความคิดเห็นของคุณที่นี่!”

🚀 “ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบาย Generative AI ของ Google? คลิกเพื่อดูรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดและการใช้งานที่เหมาะสม!”

💡 “คุณคิดว่า Google ควรเพิ่มมาตรการเพิ่มเติมหรือไม่? แสดงความคิดเห็นของคุณเพื่อแบ่งปันมุมมอง!”

🎉 6. สรุป

การอัปเดต นโยบาย Generative AI ของ Google เป็นก้าวสำคัญสู่ความปลอดภัย ความโปร่งใส และความรับผิดชอบในโลกดิจิทัล นโยบายใหม่นี้จะช่วยลดความเสี่ยงจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เช่น Deepfake, ข่าวปลอม, มัลแวร์ และการโจมตีทางไซเบอร์ โดย Google ได้เน้นให้มีการระบุว่าเนื้อหานั้นมาจาก “AI-generated content” เพื่อให้ผู้ใช้งานรับรู้แหล่งที่มาของเนื้อหา